วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

ตามหาฝูงนกเงือกกลางผืนป่าฮาลา

โดย.....สมศักดิ์ ล่ำพงศ์พันธุ์




เรื่องราวของธรรมชาติที่สวยงามบริสุทธิ์ของผืนป่าของภาคใต้ นอกเหนือจากป่าเขาหลวง นครศรีธรรมราชแล้ว ยังมีผืนป่าฮาลาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดยะลา ที่จัดว่าเป็นป่าฝนที่ยิ่งใหญ่ในด้านความมั่งคั่งของความหลากหลายทางชีววิทยา เป็นป่าที่ผลิตนำ้ให้กับอ่างเก็บนำ้เขื่อนบางลาง   โดยมีลำคลองสายหลักจากผืนป่าใหญ่ คือ คลองฮาลา และแม่นำ้ปัตตานี




คลองฮาลากับป่าฝน



  ทุ่งหญ้าริมคลองฮาลา


ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าดงดิบชื้น หรือป่าฝนที่ยังสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้ที่ขึ้นหนาแน่น พร้อมกับเรื่องราวสรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่ดำรงอยู่ร่วมกันเกิดเป็นระบบนิเวศที่สมบูรณ์  ซึ่งทุกวันนี้ผืนป่าฮาลา ทางด้านยะลา กับผืนป่าบาลาทางด้านนราธิวาส ได้ผนวกเป็นผืนป่าเดียวกันที่เรียกขานว่า “ป่าฮาลา-บาลา” คือ ความอุดมสมบูรณ์ที่ยิ่งใหญ่ ชื่อเสียงของป่าแห่งนี้ใครๆ อยากได้ไปสัมผัส ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง 


เรือนแพบ้านจุฬาภรณ์ 7



ชุมชนเรือนแพบ้านจุฬาภรณ์ 7


ออกเรือไปทำสวนยาง


จากบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 7 ต้องนั่งเรือหางยาวไปยังฐานปฏิบัติการ ตชด.ที่ 445 ฐานนางนวล (ฐานล่าง) และต้องนั่งเรือหางยาวทวนนำ้คลองฮาลาขึ้นไปยังฐาน ตชด.ฐานบน ทว่าช่วงเดือนที่ผ่านมานำ้แห้งมาก เรือไม่สามารถขึ้นไปได้  เจ้าหน้าที่ ตชด.จึงได้พาเราเดินเท้าขึ้นไปยังทุ่งหญ้าแปลงใหญ่ ที่มีกระทิงลงมากินหญ้าอยู่เป็นประจำ


  ฝูงกระทิงหากินตามทุ่งหญ้าริมคลอง


เส้นทางเดินป่าที่ยึดแนวริมคลองฮาลา และเลาะเลียบแนวเชิงเขา บางแห่งก็เป็นทุ่งหญ้าที่งอกระบัดขึ้นมาในหลังน้ำลด จึงทำให้เป็นแหล่งอาหารของกระทิงป่าที่เรามีโอกาสพบเห็นได้ในช่วงเย็นตรู่  ช่วงเย็นย่ำใกล้มืด และยังอาจได้เจอฝูงนกเงือกฝูงใหญ่บินผ่านป่า


กระทิงริมคลองป่าฮาลา



นกเงือกกรามช้างปากเรียบ




เหยี่ยวที่เกาะตอไม้รอจ้องจับอาหาร

สภาพป่าฮาลาที่มีสายคลองขนาดใหญ่ สายนำ้ใส มองเห็นผืนป่า มีตอไม้ที่โดนนำ้ท่วมยืนต้นเดินไปตลอดลำคลอง เหนือขึ้นไปยังเนินเขาก็เป็นป่าทึบ ยังได้พบกับต้นย่านดาโอ๊ะ หรือ ใบไม้สีทองที่ขึ้นกระจายอยู่ทั่วป่าทึบ ตลอดเส้นทางเดินเท้าจะเป็นทุ่งหญ้าที่ปรากฏรอยเท้ากระทิงย่ำไปทั่ว แสดงว่าเป็นกระทิงฝูงที่หากินในบริเวณริมคลองตลอดทั้งสาย แต่จุดที่จะพบเห็นได้ง่าย มีอยู่ไม่กี่จุด อย่างเช่น เซาะซาไก วังปลาช่อน แต่สำหรับวันนี้เราไม่อาจเข้าถึงจุดที่สำคัญได้ เนื่องจากระดับในคลองลดลงไปมาก จนเรือหางยาวไม่สามารถเข้าไปได้ หากจะเดินเท้าบางช่วงต้องลุยน้ำลุยโคลนที่เป็นอุปสรรคอยู่มากมาย



สภาพป่าฮาลาริมน้ำ


ล่องเรือขึ้นสู่ป่าต้นน้ำ




สภาพป่าดิบชื้นของป่าฮาลา

พงไพรป่ามรกตของผืนป่าฮาลา-บาลา ที่ใครๆ ต่างเข็ดขยาดกับทากดูดเลือด ที่ชุกชุมมากจนไม่กล้าจะย่างเท้าเข้าป่า ถ้าหากไม่มีเครื่องป้องกันที่ดี ยิ่งถ้าเราเข้าไปเดินป่าในบริเวณป่าต้นนำ้ ที่อยู่เหนือฐาน ตชด.ฐานบนขึ้นไป ซึ่งจะมีลักษณะเป็นดิบชื้น เรือนยอดไม้แน่นหนา ส่วนพื้นล่างจะมีลักษณะชุ่มชื้น จึงกลายเป็นแหล่งอาศัยของทาก ซึ่งหมายถึงว่าในพื้นที่บริเวณดังกล่าวนี้จะเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหลากชนิด


คลองฮาลา



นกเงือกกรามช้างปากเรียบ เหนือป่าฮาลา


เราเคยเดินทางเข้าสู่ป่าฮาลามาครั้งหนึ่งแล้ว นานนับสิบปีทีเดียว ต่อมาก็ได้เข้าไปเพียงแค่ชายขอบป่า พร้อมกับเรื่องราวที่น่าสนใจของธรรมชาติที่สมบูรณ์ โดยเฉพาะฝูงนกเงือกขนาดใหญ่ ที่รวมฝูงในบริเวณป่าต้นนำ้



“ไปกันมั้ยล่ะ, ไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง บางคนบอกว่ารวมฝูงเป็น 500 ตัว บางคนบอกว่าเป็นพันตัว เกาะนอนบนต้นไม้ใหญ่ อยู่ลึกจากฐาน ตชด.ขึ้นไปอีก”


ก็ไม่ได้โม้น่ะ......แต่ได้มาแค่นี้จริงๆ

สุไฮมี คนต้นเรื่องจากอัยเยอร์เวงได้ชักชวนกันไป เราก็มีสาวๆ ป้าๆ รวมกันได้ 4  คน มาร่วมทีมกับทีมเจ้าถิ่น ต้องใช้เรือสองลำล่องไปตามน้ำขึ้นไปยังฐาน ตชด.นางนวลที่อยู่ในเขื่อนบางลาง

“ตอนนี้คาดว่าเรือสามารถขึ้นไปถึงฐานบนได้ ถ้านำ้น้อยต้องเดินลุยนำ้  แล้วต้องเดินป่าขึ้นไปนอนในป่าข้างบน”

เราก็หวังว่าเรือหางยาวลำน้อยจะสามารถพาเราเดินทางขึ้นไปยังฐานบนได้ และหวังว่าจะไปได้อีก ไปให้สุดปลายทางจนถึงจุดชมฝูงนกเงือกกรามช้างฝูงใหญ่ในป่ามรกตป่าฮาลา
ลำคลองฮาลาบริเวณป่าต้นนำ้ที่อุดมสมบูรณ์เป็นป่าดงดิบทึบ นำ้ในคลองใสสะอาด บางช่วงจะเป็นหาดทราย ทุ่งหญ้า และจะเป็นบริเวณแหล่งหากินของฝูงกระทิงที่ลงมากินหญ้าตามริมคลองอยู่เป็นประจำ จึงได้พบเห็นฝูงกระทิงอยู่บ่อยๆ เนื่องจากไม่มีใครไปรบกวน หรือไปล่า ทำให้สัตว์ป่ามีความคุ้นเคยผู้คนที่ผ่านมาพบเห็น


กระทิง เป็นสัตว์ป่าที่หาดูได้ไม่ยากที่ป่าฮาลา


เรามาแวะฐานปฏิบัติการ ตชด.ที่อยู่ฐานบน ซึ่งจะสิ้นสุดเส้นทางเรือเพียงแค่นี้ หากไปยังซุ่มดูนกฝูงนกเงือกรามช้าง ต้องเดินป่าเลาะทวนสายน้ำขึ้นไป ก็น่าใช้เวลาหลายชั่วโมง

“เดี๋ยวเราจะเอาเรือของเราขึ้นไป ดันแก่งข้างหน้าขึ้นไปได้ จากนั้นก็ไม่ยากอีกแล้ว เราจะไปถึงต้องตั้งแค้มป์ซุ่มดูนกในป่าลึก”



เตรียมพร้อมขึ้นไปยังป่าต้นน้ำ


ทีมงานเรือที่เป็นคนท้องถิ่น เป็นผู้ที่คุ้นเคยพื้นที่เป็นอย่างดี บอกมาให้เราเตรียมตัวเดินทางต่อ น่าจะใช้เวลาไม่เกินชั่วโมง 


ตะลุยแก่งท่ามกลางสายฝน


มันช่างเป็นความรู้สึกที่น่าดีใจที่เราไม่ต้องเดินป่า ไม่ต้องแบกเป้แบกข้าวของอุปกรณ์กล้องถ่ายภาพไปมากมาย ยิ่งหน้าฝนแบบนี้แล้วจะยุ่งยากทีเดียว เรืออาจไปส่งถึงเป้าหมาย เพียงแค่เราแพ็คข้าวของสำคัญๆ ลงกระเป๋ากันนำ้ ที่ได้จัดหามาจากค่าย Karana เป็น Ocean Pack 15L (Backpack) รุ่นนี้ที่ผ่านศึกหนักล่องแก่งนำ้ว้ามาหนหนึ่งแล้ว เที่ยวนี้จึงมั่นใจในตัว Ocean Pack 15L นี้มากขึ้น



อุปกรณ์เป้กันน้ำ ....พร้อม


เข็นสู้แก่ง......




สาวๆ กับทีมงานอัยเยอร์เวง



ขอนขวางคลอง....คนข้าม เรือลอด


ฝ่ายป้าจิ๋ม แฟนพันธุ์แท้คารานาคนหนึ่ง แกเคยได้เห็นการเทสเป้กันนำ้รุ่นนี้ด้วยตาตัวเองมาจากนำ้ว้าเช่นกัน แกเลยต้องจัดมาใช้เองใบหนึ่งด้วย สำหรับผู้หญิงแบกใบนี้แล้ว ก็น่าเป็นขนาดที่พอเหมาะ ไม่ใหญ่เกินไป


เป้กันน้ำตัวเก่ง....คล่องตัวดีครับ

เสียงเครื่องเรือหางยาวครางกระหึ่มไปทั่วป่าทั่วขุนเขา กังกวลก้องไปตามหุบแม่นำ้ แต่เสียงเครื่องเรือไม่อาจที่จะกลบเสียงสายนำ้ไหลปะทะแก่งโขดหินเรือใหญ่ที่ขวางลำนำ้ฮาลาไปได้ 
เรือทั้งลำมาจอดริมหาดใต้แก่ง เพื่อให้เราเดินเลาะริมนำ้ขึ้นไปรอด้านบน ส่วนเรือและทีมงานจะช่วยกันฝ่าฟันโขดแก่งขึ้นไปให้ได้ ซึ่งเราก็มองไม่ออกว่าจะเอาขึ้นไปยังไงกัน


ต้องลงน้ำลุยฝ่าสู้แก่ง



งานนี้....ฝีมือกันชัดๆ จากทีมงานอัยเยอร์เวง




ฝ่าดันเรือสู้แก่ง


เรือหนึ่งลำ ต้องใช้คนช่วยกันถึงสี่คน


ยังไม่ทันที่จะเริ่มเดิน ปรากฏว่าสายฝนได้กระหน่ำลงมาอย่างหนัก มองไปตามร่องแม่นำ้จะเห็นม่านสายฝนเป็นสีขาวราวกับม่านหมอก สายฝนในป่าฝนผืนป่าฮาลานี้ไม่ธรรมดาเอาซะเลย เล่นเอาหนาวสะท้านทีเดียว ยังดีที่มีเสื้อกันฝนตัวบางเบาจากค่าย Karana อีกเช่นเคย ได้ช่วยกันฝนกันหนาวได้ระดับหนึ่ง จะดีกว่าเสื้อกันฝนที่เป็นพลาสติก เพราะการใช้งานในพื้นที่เดินป่าลุยฝนแบบนี้จะต้องมีความคล่องตัวสูง ต้องลุยนำ้เลาะตามโขดหิน กระโดดข้ามโขดหินไปด้วย ดังนั้นการที่เราจะเสื้อกันฝนแบบรุ่มร่าม เห็นที่ว่าจะไม่สะดวก สู้แบบเปียกครึ่งล่าง อบอุ่นครึ่งบน ก็จะดีกว่ากันเยอะ


ได้เสื้อกันฝนแบบนี้.....สบาย




ม่านหมอกฝนกลางป่าฮาลา



ฝ่าสู้แก่งกลางสายฝน


ขึ้นได้แล้ว.....

ส่วนกล้องของเรานั้นไม่ต้องพูดถึง นอนสงบอยู่ใน Ocean Pack ไม่ได้นำออกมาใช้งาน อาศัยกล้องกันน้ำจากสาวๆ มากดบันทึกการตะลุยแก่งแบบลูกทุ่งบู๊ๆ เพราะทีมงานจะขับเรือผ่านตามช่องโขดหินกลางน้ำ อีกคนก็ช่วยดันหัวเรือให้พ้นแนวโขดหินไปทีละช่วงทีละเปลาะ จนสามารถผ่านพ้นขึ้นมาได้


ฝนตกกระหน่ำตลอดทาง



หนทางข้างหน้าอยู่ในป่าใหญ่

เรือทั้งสองลำค่อยๆทวนสายน้ำคลองฮาลาขึ้นไปช้าๆ ท่ามกลางสายฝนที่หนาเม็ด ทีมงานที่นั่งตรงหัวเรือจะคอยชี้แนวร่องน้ำให้กัปตันท้ายเรือ บางช่วงต้องลอดต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวางลำคลอง บางทีเล่นเอาเสียวเหมือนกันว่า ก้มหัวมุดพ้นแล้ว จะติดตูดมั้ย


หัวพ้น แต่ติดตรูด



มุดกันไป


น้ำในลำคลองเป็นสีขุ่นเข้มดำขึ้นมา หลังจากที่ฝนตกมาอย่างหนัก เศษไม้ใบไม้ถูกชะล้างลงมาตามลำคลอง มองไปตามแนวหุบเขาจะเห็นสายหมอกฝน ลอยอ้อยอิ่งในสายฝนปรอย จนกระทั่งมาสิ้นสุดทางเรือ ที่เราต้องลงเดินไปยังจุดพักแค้มป์ริมน้ำที่หลบอยู่ชายป่าทึบอีกไม่กี่ร้อยเมตร


อุปกรณ์กันฝนครบ.....



สุดยอดฝีมือ ก็ต้องคนนี้ จริงๆ


บริเวณแค้มป์นี้เป็นแค้มป์เก่าของคนเดินทางที่มาสำรวจนกเงือก ที่ต้องหลบในชายป่าทึบ เราต้องหาที่กางเต๊นท์ในร่มไม้ชายป่า เพื่อหลบนก และฝนที่อาจจะตกลงมาอีก แต่เราก็มันใจกับเต๊นท์คารานาหลังนี้ ว่าน้ำไม่รั่วซึมแน่ เพราะยังเป็นเต๊นท์ใหม่ (เลยต้องยกให้เพื่ออัยเยอร์เวง หลังกลับออกกจากป่ามา)


ครัวริมคลอง.....และแค้มป์ที่ต้องหลบเข้าชายป่า

 พยายามก่อกองไฟให้มีควันน้อยที่สุด แล้วหุงหาอาหารให้เสร็จก่อนเวลาที่นกจะกลับรัง และทุกคนก็อยู่ในความสงบรอคอยการเดินทางกลับมาของนกเงือกกรามช้างปากเรียบที่จะทยอยบินกลับมานอนบนต้นไม้ใหญ่ ที่มองเห็นในระยะที่ห่างสัก 400 เมตร 


ทยอยกันมาเป็นกลุ่มเล็กๆ



ระยะแบบนี้ท่าทางจะเป็นนกหายากซะแล้ว แต่ถ้าบินมารวมกันสัก 500 ตัว ตามที่มีการอวดสรรพคุณแล้ว ก็คงได้ภาพที่น่าพึงพอใจทีเดียว แต่หากมาสัก 20-30 ตัว เป็นที่ว่าจะเป็นนกหายากซะแล้วล่ะ



บรรยากาศยามเย็น ค่อนข้างซึมเซา ประมาณ 5 โมงครึ่ง ก็ยังลุ้นว่าจะมีบินสักฝูงมั้ย แค่เสียงปีกกระพือแหวกอากาศก็ทำให้อุ่นใจขึ้นมาหน่อย ชุดแรกมา 5-6 ตัว บินตรงไปยังต้นไม้สูงตรงเป้าหมาย แต่กลับผ่านเลยไป 



มากันเรื่อยๆ

ต่อๆ มาก็มีนกเงือกบินมาเป็นฝูง 10-20 ตัว  แล้วก็บินผ่านเลยไปอีก จากนั้นก็มีมาเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง บางฝูงมีประมาณ 50 ตัว (มานับเอาทีเหลัง จากภาพที่ถ่ายได้)



นกเงือกฝูงใหญ่ บินมาทีหนึ่งได้ยินสียงปีกแหวกอากาศ....ดังมาก



สรุปแล้วบรรดานกเงือกทั้งหลายก็ไม่ได้แวะนอนที่ต้นไม้ดังกล่าว

“เขาอาจย้ายที่นอนใหม่ .....เดี๋ยวจะตามไปดู”

มิตรสหายจากทีมงานอัยเยอร์เวงได้ออกเดินเท้าไปเงียบๆ เพื่อตามไปดูว่าฝูงนกกรามช้างที่บินมาทั้งหมดบินนี้ ได้ไปเกาะต้นไม้นอนที่บริเวณไหน และในที่สุดก็พบว่าฝูงนกดังกล่าวไปนอนในป่าใหญ่ ลึกเข้าไปอีก การจะตามเข้าไปถ่ายภาพ ก็น่าจะลำบาก และคงไม่ได้ภาพตามที่ต้องการได้ เพราะเหตุปัจจัยทางธรรมชาติ ครึ้มฝน ป่ารก แสงไม่พอ......จบข่าวกันครับ



ป่าสวย.....


ท่ามกลางขุนเขาป่าในของผืนป่าฮาลาที่ยังคงสภาพป่าสมบูรณ์มากๆ ยิ่งเข้ามาในช่วงพื้นที่ป่าลึก เร้นลับ ยากที่จะเข้าถึง ก็ต้องว่า มันคือ ผืนป่าฝนที่สมบูรณ์มาก มีธรรมชาติงดงงามบริสุทธิ์ที่น้อยคนจะได้เข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง




และต้องบอกกันว่า....โอกาสหน้า จะไปกันอีกครั้ง

1 ความคิดเห็น:

  1. ไปแล้วก็มาชวนด้วยนะท่านพี่ อยากเข้าป่ามากกก

    ตอบลบ